เปิดวาร์ป 13 เมนูอาหารพื้นเมือง มาเยือนภูเก็ตแล้วไม่ควรพลาด

มาเริ่มกันที่ ‘ฮูแช้’ หรือที่ใครต่อใครนิยามว่า คือสลัดผักในแบบฉบับภูเก็ต เป็นอาหารพื้นเมืองที่คนภูเก็ตนิยมใช้เป็นของว่างยามบ่าย กำลังพอดี ไม่หนักท้องจนเกินไป

ฮูแช้เป็นอาหารที่มีครบทุกรสทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด จากรสชาติของน้ำจิ้มฮูแช้ เสิร์ฟพร้อมกับหมี่กรอบเคี้ยวเพลิน และผักต่างๆ อีกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ผักกาดหอม ถั่วงอก ผักบุ้ง มันแกวซอย แตงกวาหั่นซอย บ้างก็มีเมล็ดข้าวโพดต้มสุกผสมใส่ลงมาด้วย

เมนูนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นอาหารรองท้องพอหอมปากหอมคอในช่วงสาย ก่อนจะเดินทางท่องเที่ยว แล้วรอต่อด้วยมื้อเย็นแบบจัดเต็มอีกรอบ แต่ในปัจจุบันอาจจะเป็นอาหารที่หารับประทานยากสักหน่อย เพราะเป็นอาหารพื้นเมืองภูเก็ตที่คนสมัยใหม่ไม่ค่อยรู้จัก แต่ถ้าสนใจ ยังสามารถหาทานได้ที่ร้านหมี่สะปำคุณยายเจียร ร้านหมี่แปะเถว และแผงขนมตามตลาดเช้าบางแห่ง

ภูเก็ตเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องของน้ำพริกอร่อย โดยเฉพาะเมนูน้ำพริกกุ้งต่างๆ ที่ถือว่าเป็นทั้งอาหารและของฝากยอดฮิตที่พลาดไม่ได้เลย

แต่ถ้าใครมาเยือนถึงภูเก็ตเเล้ว เมนูน้ำพริกที่เป็นอาหารพื้นเมืองที่อยากให้ได้ลองเลยก็คือ น้ำพริกกุ้งสด หรือที่คนภูเก็ตเรียกว่า “น้ำชุบหยำ” หน้าตาอาจจะดูคล้ายกับบ้านพริกกะปิในภาคกลาง แต่จะมีเนื้อที่เหลวกว่า ส่วนความอร่อยถ้าใครชอบรสชาติเปรี้ยว เค็ม หวาน และเผ็ดแบบครบๆ กินคู่กับผักสดเเล้วเข้ากันดี ต้องอย่าลืมลิสต์เมนูนี้เอาไว้เลย

ใครที่ชอบรับประทานเครื่องใน และตามหาอาหารในสไตล์จีนฮกเกี้ยนอยู่ รับรองว่าจะไม่ผิดหวังกับเมนูที่ชื่อว่า ‘โลบะ’ อาหารพื้นเมืองภูเก็ตที่มีประวัติอันยาวนาน และเป็นเมนูต้นตำรับจากชาวจีนฮกเกี้ยนในเมืองเบ๊หัง นำมาเผยแพร่ จนกลายเป็นอาหารพื้นเมืองภูเก็ตที่หลายคนอยากลิ้มลอง

สำหรับส่วนผสมของโลบะก็จัดเต็มในเรื่องของเครื่องในทั้งปอด ตับ หัวใจ ลำไส้ใหญ่ แต่ส่วนที่นิยมที่สุดจะเป็นใบหู ลิ้น และเนื้อหมูสามชั้นจากหัวหมู ซึ่งส่วนประกอบทั้งหมดหลังจากทอดจนสุกกรอบดี เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสูตรลับเฉพาะของแต่ละร้านที่ถือเป็นเคล็ดลับทำให้โลบะในแต่ละเจ้ามีรสชาติที่แตกต่างกันไป ทำให้โลบะเป็นอีกหนึ่งอาหารรองท้องยอดฮิตสำหรับคนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเยือนอยู่เสมอๆ

อีกหนึ่งอาหารว่างยอดนิยมที่ใครได้ลองทานเป็นต้องชอบกับเปาะเปี๊ยะสดของภูเก็ต เพราะนี่คือความอร่อยแบบฉบับปุ้นเต๋ (พื้นเมือง) จากสูตรจีนฮกเกี้ยนโดยเฉพาะ

เปาะเปี๊ยะสดของภูเก็ตจะเเตกต่างจากเปาะเปี๊ยะที่อื่นก็ตรงไส้ที่จะทำจากมันแกว หมูแดง หมูต้ม เต้าหู้เหลืองทอด ที่หั่นเป็นชิ้น ๆ โรยหน้าด้วยกากหมูผสมหอมเจียว หรือ เส้นหมี่กรอบผสมหอมเจียว และน้ำจิ้มตีเจียวพอชุ่ม แล้วห่อเหมือนเปาะเปี๊ยะทั่วไป เรียกว่า เป็นสูตรอาหารพื้นเมืองภูเก็ตโดยเฉพาะ ที่นักท่องเที่ยวต้องจดไว้ หากมีโอกาสอย่าลืมไปลองสักครั้งแล้วจะติดใจ

สำหรับเมนูติ่มซำที่เรารู้จักกันดี ในภูเก็ตกลับเป็นอาหารพื้นเมืองที่มีมายาวนาน และจะเรียกกันว่า ‘เสี่ยวโบ๋ย’ โดยมีร้านอร่อยอยู่หลายร้านให้นักท่องเที่ยวปักหมุดไปลองชิมกันได้ในช่วงเช้าของวัน

ด้วยความเป็นอาหารประเภทติ่มซำ แน่นอนว่า มีหน้าตาอาหารทั้งขนมจีบหมูที่จะเน้นตัวแป้งหนา และเพิ่มความมันด้วยมันหมู ซาลาเปาทอด เต้าหู้ปลา หรืออีกเมนูที่หารับประทานได้เฉพาะภูเก็ตอย่างข้าวเหนียวอิ่วปึ่งที่มีหน้าตาคล้ายบ๊ะจ่างแบบไม่มีไส้กินเข้าคู่กันกับน้ำจิ้มเผ็ดอร่อยๆ สูตรเฉพาะของชาวภูเก็ตเท่านั้น

อาหารพื้นเมืองภูเก็ตในยามเช้าที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เมนูขนมจีนที่ดูเหมือนจะเป็นอาหารธรรมดา แต่กลับไม่ธรรมดาด้วยรูปแบบการกินที่จะรับประทานน้ำแกงผสมกันหลายแบบ เช่น กินน้ำแกงไตปลาผสมน้ำยา เป็นต้น

และที่ขาดไม่ได้คือผักเหนาะ หลากหลายชนิด ทั้งผักสด และผักดอง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการทานขนมจีนของชาวภูเก็ต นอกจากนี้อาจจะมีกินคู่กันกับไข่ต้ม ห่อหมก ทอดมันปลาก็ยิ่งเพิ่มความอร่อย หอม มันเข้าไปใหญ่ รับรองว่า เป็นอาหารเช้าเซตใหญ่ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต้องถูกใจแน่นอน

หมี่ผัดฮกเกี้ยน หรือที่ชาวภูเก็ตจะเรียกว่า "หมี่เชก" จัดเป็นอาหารพื้นเมืองยอดนิยมติดอันดับที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ เพราะหารับประทานง่าย มีร้านดั้งเดิมที่เก่าแก่เป็นร้อยปีกระจายอยู่ทั่วไป แถมยังมีเนื้อสัตว์ให้เลือกหลากหลายทั้งอาหารทะเล หมู เครื่องใน เลือกได้ว่าจะกินแบบผัด หรือบะหมี่น้ำ ก็ทำได้ตามใจชอบ

นักท่องเที่ยวหลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่านี่คือหมูพะโล้ แต่จริงๆ แล้วเมนูหมูฮ้อง เป็นอาหารพื้นเมืองภูเก็ตที่หน้าตาคล้ายพะโล้ แต่ไม่ได้ใส่เครื่องพะโล้ที่ให้ความหอม ชาวภูเก็ตกลับใช้เครื่องเทศต่างๆ เพื่อเพิ่มความหอมหวานแทน

ส่วนวิธีการทำอาหารพื้นเมืองเมนูนี้ จะนำหมูสามชั้นตุ๋นมากับเครื่องเทศ ทั้งกระเทียม พริกไทย และรากผักชี ปิดท้ายด้วยการปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและซีอิ๊วดำจนได้รสชาติเข้มข้น นุ่ม ละลายในปาก และชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหมูฮ้องแบบขลุกขลิกจนออกมาเป็นอาหารคาวที่ใครมาถึงภูเก็ตต้องลองสักครั้ง

‘โอต้าว’ เป็นอาหารพื้นเมืองแนวฮกเกี้ยนยอดฮิตของคนภูเก็ตที่จัดอยู่ในประเภทอาหารว่าง กินรองท้องได้ระหว่างวัน หน้าตาจะดูคล้ายๆ กับหอยทอด แต่จะพิเศษหน่อยตรงที่เนื้อแป้งมีความเหนียวนุ่มกว่า และมีการผสมเต้าส่วน จะมีเผือก แป้ง ไข่ กากหมูเจียว แล้วนำไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน

นอกจากนี้บางร้านยังเพิ่มความหอมด้วยการใช้เตาถ่านในการผัด ยิ่งทำให้รสชาติอร่อยเป็นทวีคูณ ปิดท้ายด้วยการรับประทานคู่กับน้ำจิ้มทำให้รสชาติจัดจ้านเพิ่มขึ้นอีกด้วย

หมี่หุ้นบ๊ะฉ่าง หรือที่บางคนเรียกว่า หมี่หุ้นป้าฉ่าง เป็นอาหารพื้นเมืองภูเก็ตที่ทำมาจากหมี่หุ้นหรือเส้นหมี่ขาวที่ส่วนใหญ่ผลิตในจังหวัดภูเก็ตทำให้เส้นมีลักษณะพิเศษคือ ไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป ไม่แฉะ หรือชุ่มน้ำมัน นำมาผัดกับน้ำซุปกระดูกหมู เติมซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ น้ำตาล ปิดท้ายโรยหน้าด้วยหอมแดงเจียว และใบกุ้ยช่าย เสิร์ฟพร้อมกับน้ำซุปกระดูกหมูหอมๆ เติมพริกไทยป่นนิดหน่อย ทานแล้วดูเข้ากันดี

ข้าวเหนียวหีบ หรือข้าวเหนียวอัด เป็นขนมพื้นบ้านภูเก็ตที่มีหน้าตาสวยงาม โดดเด่นด้วยสีม่วงชวนรับประทานจากการแช่ข้าวเหนียวไว้กับน้ำดอกอัญชันแล้วนำมาทำเป็นข้าวเหนียวมูน ทำหน้าตาให้ดูสวยงามด้วยการบีบอัดจนแน่นเป็นรูปร่างหรือตัดเป็นคำแบบพอดี ตอนเสิร์ฟจะทานคู่กันกับสังขยาใบเตยหอมๆ สูตรประจำจังหวัดภูเก็ตโดยเฉพาะ

อีกหนึ่งขนมพื้นเมืองของชาวภูเก็ตที่ได้รับความนิยม เพราะเป็นขนมทานเล่นเเบบเบาๆ นิยมรับประทานคู่กับชา กาแฟในยามเช้า ทำจากแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย ไข่ไก่ แถมยังมีที่มาค่อนข้างไกล นั่นคือ เกาะปีนัง เลยทีเดียว

ส่วนร้านอร่อยก็มีอยู่หลายร้านด้วยกัน ซึ่งแต่ละร้านมีเคล็ดลับความอร่อยเฉพาะตัว ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการผสมแป้ง ที่จะต้องทำออกมาแล้วกรอบ สุก เหลือง ส่วนตรงกลางต้องหนานุ่ม รสชาติ หวาน หอม อร่อย นี่ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นอาโป๊ง ขนมพื้นเมืองต้นตำรับของชาวภูเก็ตที่ถูกต้อง

โอ้เอ๋ว เป็นเมนูขนมพื้นบ้านภูเก็ตที่มีหน้าตาคล้ายกับน้ำแข็งไส เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นของหวานปิดท้ายและใช้คลายร้อนในช่วงเดือนแห่งการพักผ่อนที่นักท่องเที่ยวมักจะเดินทางไปภูเก็ต

เหตุผลที่เรียกขนมชนิดนี้ว่า โอ้เอ๋ว ก็เพราะสมัยก่อนเป็นเมนูที่ทำจากวุ้นของเมล็ดโอ๊ะเอ๋ว (คล้ายเมล็ดแมงลัก) ที่แช่น้ำแล้วใช้เมือกโอ๊ะเอ้วมาผสมกับเมือกของกล้วยน้ำว้า ใส่เจี่ยกอเพื่อให้โอ๊ะเอ๋ว เกาะตัวเป็นก้อน นำมาใส่น้ำเชื่อมและน้ำแข็งไส

ส่วนเวลารับประทาน ก็จะตัดวุ้นโอ๊ะเอ๋วออกเป็นชิ้น 4 เหลี่ยม นำมาโปะน้ำแข็งไสจนพูนถ้วย หลังจากนั้นราดน้ำเชื่อมหรือน้ำหวานสีแดง หรือในบางร้านก็จะเติมกลิ่นนมแมวให้หอมขึ้นอีกด้วย